จุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งแรกของชีวิต
ย้ายที่ทำการ ทิปเทคนิคคอมพิวเตอร์
16 ปีที่ผ่านมา
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
เครื่องหมายของ Facebook
เครื่องหมายของ Facebook
ท่านมีความคิดเห็นอย่างไรกับวัยรุ่นไทยสมัยนี้..?
peak tower
suilaplus
- lamud
- สมุทรปราการ, กรุงเทพ, Thailand
- ขายเสื้อผ้า คนอ้วน ไซด์ใหญ่ รับพิมพ์เสื้อ.. ทุกชนิด.
คานทอง
สำหรับผู้ชายไม่มีอะไรที่จะมีความสุขเท่ากับการควงสาวอีกแล้ว แน่ล่ะ…พอพวกเขาอยากควงใคร สิ่งที่ควรทำลำดับต่อไปก็คือหาทางทำความรู้จักเธอให้ได้ ถ้าเธอมีเสน่ห์เย้ายวนน่าสนใจ หรือพวกเขารู้สึก
ถูกคอด้วยก็คงจะหาทางพัฒนาความสัมพันธ์ต่อไป แต่หากพวกเขาพอใจหญิงสาวประเภทนี้แนะนำเลยว่า
อย่าเสียเวลาอีกต่อไป
นิยามง่ายๆ ของสาวประเภทนี้ก็คือสาวเผด็จการนั้นเอง เธอจะชอบชี้นิ้วสั่งบงการพวกเขา อยากได้อะไร
เมื่อไหร่ พวกเขาเหล่านี้ก็สรรหามาให้เธอ คำแนะนำสำหรับการจีบเธอสาวประเภทนี้ก็คือหัดใช้คำพูดว่า
“ได้จ๊ะ” ให้ชินปาก
เข้าทำนองว่าถ้าพวกเขามีค่าฉันคบ ถ้าเขาหมดค่าไร้ราคาฉันเลิก นั่นแหละหญิงสาวประเภทนี้น่ากลัว
มากๆ เธอจะให้ความสนใจเฉพาะเพียงคนที่สนองความต้องการของเธอเท่านั้น คำแนะนำสำหรับการจีบสาว
ประเภทนี้ก็คือเขาภาวนาตัวเองถูกล๊อตเตอรี่รางวัลที่ 1 เพื่อจะตอบสนองความต้องการของเธอได้ทุกอย่าง
ต่อให้เธอสวยงานสักปานใด แต่ถ้าเธอไม่กล้าคิด ไม่กล้าตัดสินใจเอง จิตใจวอกแวก ลังเล มันก็น่า
รำคาญเสียจริง ขนาดของกินของใช้ยังเปลี่ยนใจไปมาเลย แล้วกับพวกเขา..เธอจะไม่ลังเลหรือ? คำแนะนำ
สำหรับการจีบสาวประเภทนี้คือ ให้พวกเขาเริ่มเป็นตัวของตัวเองก่อนแล้วค่อยสอนความมั่นใจให้แก่เธอ
สาวประเภทนี้ไม่รู้ว่าจะเคยพกกระเป๋าสตางค์ออกจากบ้านหรือเปล่า ? คติพจน์ประจำของเธอก็คือ “กินได้
จ่ายไม่เป็น” แน่ล่ะ ถ้าพวกเขาจีบเธอก็ต้องเป็นพวกเขาน่ะสิที่ต้องเป็นฝ่ายควักกระเป๋าจ่าย คำแนะนำสำหรับ
การจีบสาวประเภทนี้คือ สังเกตว่าคนอื่นเรียกพวกเขาว่าอะไร ถ้าไม่มีคำว่า “เสี่ย หรือ เฮีย” นำหน้าก็ถอยดีกว่า
สาวประเภทนี้ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามทำอะไรให้เธอ สิ่งที่ตอบแทนกลับมา มีเพียงความไม่พอใจนั้น ก็เหมือนกับ
การตักน้ำเทใส่ตุ่มที่รั่ว ย่อมไม่มีวันที่จะเต็มขึ้นมาได้อย่างแน่นอน คำแนะนำสำหรับการจีบสาวประเภทนี้คือ หันมา
เอาใจใส่ตัวเองให้มากขึ้นดีกว่า
ถ้ารักผู้ชายยึดมั่นคติพจน์ที่ว่า “ความรักคือการเสียสละ” ล่ะก็ พวกเขาจะพบว่าบางครั้งมันก็ไม่สามารถใช้ได้กับ
ทุกคน ก็เธอออกจะคิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลขนาดนั้นเลย เธอจะไปคิดถึงหัวใจใครล่ะ คำแนะนำสำหรับ
การจีบสาวประเภทนี้คือ ลบคติพจน์แห่งความรักประจำใจข้างต้นไปเสียเลย
สาวประเภทนี้อายุมากขึ้นแต่จิตใจกลับไม่ยอมโตตาม ถ้าพวกเขาลองคบเป็นแฟนล่ะก็ สัมพันธภาพของเขา
กับเธอมีหวังลุ่มๆ ดอนๆ เป็นแน่ คำแนะนำสำหรับการจีบสาวประเภทนี้คือเสาะหาโรงพยาบาลโรคประสาทดีๆ
สักแห่ง ไม่ใช่สำหรับส่งเธอเข้าไปหรอกนะ แต่เป็นพวกเขานั่นล่ะแหละที่จะเครียดกับความไร้เหตุผลของเธอ
แม้โดยธรรมชาติของผู้หญิงแล้วมักจะขี้บ่นชอบพูดจาเจื้อยแจ้ว แต่ลองสาวไหนพูดได้ทั้งวันแต่ได้พูดจาฉอเลาะ
ให้พวกเขาชื่นใจ กลับเป็นการหาเรื่องบ่นได้ทุกเรื่อง ไหนจะด่าพวกเขาอีกถ้าพวกเขาสร้างความไม่พอใจให้เธอ
คำแนะนำการจีบสาวประเภทนี้คือหาซื้อไอพอตดีๆ สักเครื่อง จะได้เอาไว้อุดหูเวลาที่เธอบ่
เสื้อคนอ้วน XXXL
สยามเมืองยิ้ม
“ นี่หรือ..ประเทศไทย “ ( โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน )
ทุกวันนี้เมืองไทยของเราเจริญขึ้นมาก แต่จิตใจคนเรากลับเห็นแก่ตัวกันมากขึ้น มีแต่การ แก่งแย่ง ชิงดี ชิงเด่น กันโดยไม่นึกถึงใคร เห็นแต่ประโยชน์ของตัวเอง ซึ่งก็ไม่ผิด เพราะทุกคนต้องทำ เพื่อเลี้ยงปากท้อง ของตัวเอง และ คนในครอบครัว เพื่อยกฐานะในสังคม โดยสังคมในปัจจุบันนี้ จะมองเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน คนรวยก็ โครต รวย คนจนก็แทบ จะไม่มีอะไรจะ แดก ( เนี่ยแหละครับ! ) ประเทศที่กำลังพัฒนา …..
สังคมไทย ในสมัยก่อนแตกต่างกันมากครับ! กับปัจจุบัน เมื่อตอนผมเด็ก ( 20ปีที่แล้ว ) คนที่อยู่ตามชนบท บ้านพักยังเป็นบ้านไม้ ยกสูงเก่าๆ คนในท้องถิ่น มีน้ำใจ ยิ้มแย้ม (ยิ้มสยาม) ด้วยความเต็มใจ ต้อนรับแขกเปรียบเสมือน คนในครอบครัว ( หาได้อยากมากในปัจจุบัน ) ซึ่งมันเป็นความรู้สึก! ที่ดีมาก อยากที่จะค้นหาในยุค ปัจจุบัน .......
หากย้อนเวลากลับไป (20ปี) บ้านในชนบท สมัยก่อนทุกบ้านเป็นบ้านไม้ยกสูง มีบันไดสำหรับขึ้นบ้าน ข้างๆบันไดจะมีบ่อน้ำเล็กๆเอาไว้ล้างเท้า ส่วนอีกฝั่ง เค้าจะวางโอ่งน้าเล็กๆ พร้อมกระบวยที่ทำด้วยกะลา เอาไว้ตักน้าดื่ม เพื่อต้อนรับแขกผู้มาเยือน และขาจรทั่วไป ( ความไส่ใจของพี่เค้า ! )หลังจากนั้น พี่ท่าน! ก็พาขึ้นบ้านครับ ส่วนด้านบนบ้าน open view ครับ.. แอร์ธรรมชาติ อากาศดีมาก ป...อดโปร่ง รู้สึกสดชื่นมาก ( สมัยนี้มีแต่มลพิษ ) ตกเย็น ยังไม่พอสำหรับแขกผู้ เยือนครับ พี่ท่าน! ยังหุงหาอาหาร มาให้กินอีก ถึงแม้จะเป็น น้ำพริก ปลาทอด ไข่เจียว แกล้ม ผักลวกสดๆ กินกับข้าวเหนียวร้อนๆ ( คนสมัยนี้ อาหาร บนห้าง ตามภัตคาร ) ซึ่งอาหารพวกนี้ ก็ไม่ได้เสียเงินซึ้อครับ! ปลา พี่เค้าก็หากันตามบ่อแถวบ้าน ไข่ ก็ได้จากไก่ ที่เลี้ยงไว้หลังบ้าน ส่วน ผัก ก็ปลูกเอาไว้กินเอง หรือ ที่เหลือจากขายที่ ตลาดเช้า ปลอดสารพิษแน่นอนครับ ! ( พอเพียงตามรอยพ่อหลวง ) ชิมไป บ่นไป...0-0..!!! ไม่ช่าย....ครับ.กินไป คุยกันไป. กับบรรยากาศตอนหัวค่ำที่เย็นสบาย พร้อมกับ เสียงจาก จิ้งหรีด ( กีต้าร ) จั๊กจั่น ( แซ็กโซโฟน ) สลับกับ เสียง อึ่งอ่าง และ เขียด ( กลองชุด.เบส ) ที่บรรเลงให้ฟังกัน อย่างเพลิดเพลิน “ หลังจากอิ่มแล้ว หนังตาเริ่มหย่อน “ ! ยังครับ ยังไม่พอสำหรับ แขกผู้มาเยี่ยมมาเยือน พี่ท่าน ! ยังจัดหา มุ้ง หมอน เสื่อ มาให้อีก “โห..อะไรเนี่ย”. หน้าที่เราก็ คือ อาบน้ำ ครับ ! ขอบอกไม่มีเ ครื่องทำน้ำอุ่นครับ ! มีแต่โอ่งเรียงกันเป็นแถว พอใจโอ่งไหนก็ ตักอาบได้ตามสบาย เค้าไม่หวงครับ ! เพราะเป็นน้ำ ที่มาจากฟ้าครับ ! ไม่เสียตังค์ อาบกันให้สบายใจ ( สบายตัวกันไป ) เสร็จแล้ว ก็เข้านอน แค่นี้ละครับ ! ความสุขที่พอเพียงสำหรับ คนชนบทในสมัยก่อน !!.....
ทุกวันนี้เมืองไทยของเราเจริญขึ้นมาก แต่จิตใจคนเรากลับเห็นแก่ตัวกันมากขึ้น มีแต่การ แก่งแย่ง ชิงดี ชิงเด่น กันโดยไม่นึกถึงใคร เห็นแต่ประโยชน์ของตัวเอง ซึ่งก็ไม่ผิด เพราะทุกคนต้องทำ เพื่อเลี้ยงปากท้อง ของตัวเอง และ คนในครอบครัว เพื่อยกฐานะในสังคม โดยสังคมในปัจจุบันนี้ จะมองเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน คนรวยก็ โครต รวย คนจนก็แทบ จะไม่มีอะไรจะ แดก ( เนี่ยแหละครับ! ) ประเทศที่กำลังพัฒนา …..
สังคมไทย ในสมัยก่อนแตกต่างกันมากครับ! กับปัจจุบัน เมื่อตอนผมเด็ก ( 20ปีที่แล้ว ) คนที่อยู่ตามชนบท บ้านพักยังเป็นบ้านไม้ ยกสูงเก่าๆ คนในท้องถิ่น มีน้ำใจ ยิ้มแย้ม (ยิ้มสยาม) ด้วยความเต็มใจ ต้อนรับแขกเปรียบเสมือน คนในครอบครัว ( หาได้อยากมากในปัจจุบัน ) ซึ่งมันเป็นความรู้สึก! ที่ดีมาก อยากที่จะค้นหาในยุค ปัจจุบัน .......
หากย้อนเวลากลับไป (20ปี) บ้านในชนบท สมัยก่อนทุกบ้านเป็นบ้านไม้ยกสูง มีบันไดสำหรับขึ้นบ้าน ข้างๆบันไดจะมีบ่อน้ำเล็กๆเอาไว้ล้างเท้า ส่วนอีกฝั่ง เค้าจะวางโอ่งน้าเล็กๆ พร้อมกระบวยที่ทำด้วยกะลา เอาไว้ตักน้าดื่ม เพื่อต้อนรับแขกผู้มาเยือน และขาจรทั่วไป ( ความไส่ใจของพี่เค้า ! )หลังจากนั้น พี่ท่าน! ก็พาขึ้นบ้านครับ ส่วนด้านบนบ้าน open view ครับ.. แอร์ธรรมชาติ อากาศดีมาก ป...อดโปร่ง รู้สึกสดชื่นมาก ( สมัยนี้มีแต่มลพิษ ) ตกเย็น ยังไม่พอสำหรับแขกผู้ เยือนครับ พี่ท่าน! ยังหุงหาอาหาร มาให้กินอีก ถึงแม้จะเป็น น้ำพริก ปลาทอด ไข่เจียว แกล้ม ผักลวกสดๆ กินกับข้าวเหนียวร้อนๆ ( คนสมัยนี้ อาหาร บนห้าง ตามภัตคาร ) ซึ่งอาหารพวกนี้ ก็ไม่ได้เสียเงินซึ้อครับ! ปลา พี่เค้าก็หากันตามบ่อแถวบ้าน ไข่ ก็ได้จากไก่ ที่เลี้ยงไว้หลังบ้าน ส่วน ผัก ก็ปลูกเอาไว้กินเอง หรือ ที่เหลือจากขายที่ ตลาดเช้า ปลอดสารพิษแน่นอนครับ ! ( พอเพียงตามรอยพ่อหลวง ) ชิมไป บ่นไป...0-0..!!! ไม่ช่าย....ครับ.กินไป คุยกันไป. กับบรรยากาศตอนหัวค่ำที่เย็นสบาย พร้อมกับ เสียงจาก จิ้งหรีด ( กีต้าร ) จั๊กจั่น ( แซ็กโซโฟน ) สลับกับ เสียง อึ่งอ่าง และ เขียด ( กลองชุด.เบส ) ที่บรรเลงให้ฟังกัน อย่างเพลิดเพลิน “ หลังจากอิ่มแล้ว หนังตาเริ่มหย่อน “ ! ยังครับ ยังไม่พอสำหรับ แขกผู้มาเยี่ยมมาเยือน พี่ท่าน ! ยังจัดหา มุ้ง หมอน เสื่อ มาให้อีก “โห..อะไรเนี่ย”. หน้าที่เราก็ คือ อาบน้ำ ครับ ! ขอบอกไม่มีเ ครื่องทำน้ำอุ่นครับ ! มีแต่โอ่งเรียงกันเป็นแถว พอใจโอ่งไหนก็ ตักอาบได้ตามสบาย เค้าไม่หวงครับ ! เพราะเป็นน้ำ ที่มาจากฟ้าครับ ! ไม่เสียตังค์ อาบกันให้สบายใจ ( สบายตัวกันไป ) เสร็จแล้ว ก็เข้านอน แค่นี้ละครับ ! ความสุขที่พอเพียงสำหรับ คนชนบทในสมัยก่อน !!.....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น