วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

โครงการรถไฟฟ้า ใน กทม.



กทม.ผุดโมโนเรลเชื่อมรถไฟฟ้าใตดิน-บีทีเอส นำร่อง2สาย พระราม1-พระราม4และพญาไท-ดินแดง

"กทม."ผุดโมโนเรล ขนคนป้อนรถไฟฟ้าใต้ดิน-บีทีเอส แก้ปัญหาจราจร นำร่อง 2 เส้นทาง พระรามที่ 1-พระรามที่ 4 และพญาไท-กทม.2 ใช้งบฯ 1 หมื่นล้าน/เส้นทาง เล็งระดมทุนผ่าน 3 ช่องทางหลัก ทั้งจากไทยเข้มแข็ง 3-ออกพันธบัตร และงบฯของกทม.

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้ศึกษาดูงานระบบขนส่งมวลชนระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (โมโนเรล) ที่ประเทศสิงคโปร์และมาเลเซีย ซึ่งประสบความสำเร็จในการนำระบบดังกล่าวมาใช้แก้ปัญหาการจราจรเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นระบบที่สามารถนำผู้โดยสารเข้าสู่เขตเมืองได้สะดวกและรวดเร็ว ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 2 แบบ คือ ล้อยางและล้อเหล็ก จุดเด่นคือเป็นระบบขนส่งมวลชนขนาดเล็ก ใช้ระยะเวลาก่อสร้างรวดเร็วประมาณ 30 เดือน ใช้งบประมาณก่อสร้าง 900-2,000 ล้านบาท/กิโลเมตร สามารถวิ่งได้ทั้งทางวิ่งพื้นเรียบ หรือทางยกระดับแบบใช้เสาตอม่อและคาน กทม.จะศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนโครงการโมโนเรล จากนั้นจะเร่งผลักดันให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ประเทศมาเลเซียมีรถไฟฟ้า KL Monorail ของบริษัท Scomi เปิดให้บริการมานานกว่า 6 ปี ตัวรถมีดีไซน์สวยงามสะดุดตา เส้นทางการเดินรถหลัก ๆ จะผ่านย่านชุมชนผ่าใจกลางเมืองหลวงกรุงกัวลาลัมเปอร์ระยะทาง 8.6 ก.ม. 11 สถานีบริการ เชื่อมต่อรถไฟฟ้าระบบเฮฟวี่เรล ตัวรถ 1 ขบวนมี 2 ตู้โดยสาร ความเร็วเฉลี่ย 30-50 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขนส่งผู้โดยสารได้ 3,000-5,000 คน/ชั่วโมง อัตราค่าโดยสารเริ่มต้น 12 บาท ตลอดสายคิด 25 บาท ระยะห่างต่อขบวนช่วงเวลาเร่งด่วน 3-4 นาที ปกติ 10 นาที โครงสร้างออกแบบให้รองรับการขยายตู้โดยสารได้สูงสุด 6 ตู้ ส่วนสิงคโปร์มีโครงข่ายรถไฟฟ้าที่ครอบคลุมทั่วประเทศ มีระบบโมโนเรลเป็นระบบเสริม ขนส่งผู้โดยสารเข้าสู่ตัวเมืองชั้นในหรือจากระบบหลักเข้าสู่โซนที่อยู่อาศัยแต่ละพื้นที่ เช่น สาย LRT Bukit Panjang ดำเนินการโดยบริษัท SMRT เปิดให้บริการมานานกว่า 11 ปี ระยะทาง 7.8 กิโลเมตร 14 สถานี ขนส่งผู้โดยสาร 4,000 คน/ชั่วโมง 1 ขบวนมี 1-2 ตู้โดยสาร และล่าสุดสาย Sentosa Express เพิ่งเปิดให้บริการได้ 2 ปี ข้ามจากเกาะสิงคโปร์ไปยังเกาะ Sentosa ใช้เทคโนโลยีของบริษัทฮิตาชิ ระยะทาง 2.1 กิโลเมตร 3 สถานี มี 2 ตู้โดยสาร/ขบวน รับส่งผู้โดยสารได้ 184 คน/ขบวน "ความน่าสนใจของรถไฟฟ้าโมโนเรลเป็นระบบขนส่งเสริมเพื่อป้อนผู้โดยสารเข้ากับระบบหลักคือรถไฟฟ้าใต้ดินและบีทีเอส ที่น่าสนใจคือก่อสร้างได้เร็ว ลงทุนไม่มาก และไม่ต้องเวนคืนที่ดิน เพราะสร้างกลางถนนได้เลย กทม.จะให้บริษัทกรุงเทพธนาคม ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงนำข้อมูลทั้งหมดไปวิเคราะห์และวางแผนว่าสามารถดำเนินการได้หรือไม่ ผมมองว่างบประมาณไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เรื่องที่ใหญ่สุดคือการเลือกเส้นทาง" ผู้ว่าฯ กทม.กล่าว ด้าน ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า นโยบายหลักของ กทม.ต้องการจะก่อสร้างรถไฟฟ้าโมโนเรลเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวและสายสีน้ำเงิน ซึ่งจากการศึกษาพบว่าสายที่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นได้เร็วที่สุดมี 2 สาย ได้แก่ 1.ถนนพระรามที่ 1-พระรามที่ 4 จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผ่านมาบุญครองไปสิ้นสุดที่ถนนพระรามที่ 4 ระยะทาง 6-7 กิโลเมตร และ 2.พญาไท-สำนักงาน กทม. 2 ถนนวิภาวดีรังสิต เชื่อมรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ที่สถานีพญาไท เข้าถนนเพชรบุรี และสิ้นสุดที่ยมราช ระยะทาง 7-10 กิโลเมตร คาดว่าจะใช้งบประมาณก่อสร้าง 1 หมื่นล้านบาท/เส้นทาง ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี ตั้งเป้าหมายเริ่มการก่อสร้างภายในปี 2554 "เรื่องแหล่งเงินไม่น่ามีปัญหา เบื้องต้นน่าจะมาจาก 3 ทาง คือ จากงบฯไทยเข้มแข็ง 3 ของรัฐบาล, งบฯ กทม.เองบางส่วน และออกพันธบัตร" โดยขณะนี้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้มอบที่ดินบริเวณแยกเจริญผล ถนนบรรทัดทองประมาณ 5 ไร่ ให้ กทม.นำไปสร้างสถานีดับเพลิง แต่หากมีการก่อสร้างโครงการดังกล่าวจะแบ่งพื้นที่ประมาณ 2-3 ไร่สร้างเป็นศูนย์ซ่อมบำรุง (ดีโป้) เพราะจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับที่ดินโดยรอบของจุฬาฯในอนาคตด้วย


ไม่มีความคิดเห็น: